"ชูวิทย์" จี้"บิ๊กปู" ฟันผกก.ติดตั้งป้ายดิจิตอลบนป้อมจราจร 14 สน.

โดยผู้จัดการ เมื่อ 17 พ.ย.2557

"ชูวิทย์" ประธานมูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ยื่นเรื่องผบช.น. ให้ดำเนินการขั้นวินัยกับผกก.ในพื้นที่ 14 สน. 53 จุด กรณีติดตั้งป้ายโฆษณาบนตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร เพื่อได้รับผลประโยชน์ที่มิควรได้รับโดยมิชอบ

วันนี้(17พ.ย.) เมื่อเวลา11.00น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ประธานมูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์(อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย) มายื่นหนังสือร้องทุกข์ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กรณีตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่ติดตามแยกต่างๆทั่วกทม. จำนวน 53 แห่ง ซึ่งทางมูลนิธิฯได้บริจาคให้ทางราชการ ได้ถูกนำไปประกอบกิจการการหาผลกำไรจากโฆษณาต่างๆ หรือการติดตั้งป้ายดิจิตอลเรืองแสง หรือจอแอลอีดี หรือป้ายโฆษณาอื่นๆโดยผิดกฎหมาย

เมื่อเดินทางมาถึงบช.น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กราบสักการะร้องทุกข์กับพระบรมรูปทรงม้า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ประจำบช.น. ก่อนจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผบช.น.

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ขอร้องเรียนให้ผบช.น. ดำเนินการทางวินัยขั้นร้ายแรงกับข้าราชการตำรวจในสังกัด ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ สารวัตรประจำสถานีตำรวจนครบาลในท้องที่ ที่เป็นที่ตั้งตู้สัญญาณไฟจราจรทั้ง 53 แห่ง กรณียินยอมให้บริษัทสื่อโฆษณาเข้ามาดำเนินการติดตั้งป้ายโฆษณาดังกล่าว และดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ที่ยังคงอนุญาตติดตั้งป้ายโฆษณาอย่าต่อเนื่อง ซึ่งมีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ที่มิควรได้รับ ตามมาตรา79(1) พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2547

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การร้องเรียนดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการติดตั้งป้ายแอลอีดีในที่ๆไม่สมควร ซึ่งเงินที่ได้รับจากการโฆษณาจำนวน 4 ล้านบาท ถือว่าไม่ถูกต้อง และยังไม่มีที่มาที่ไป

ทั้งนี้ทางผบช.น.จะดำเนินการเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และจะตรวจสอบที่มาที่ไป และจะแจ้งให้รับทราบภายใน 5 วัน สำหรับป้อมตำรวจทั้ง 53 ป้อม อยู่ในพื้นที่ 14 สถานีตำรวจนครบาล ได้แก่ 

สน.ดุสิต จำนวน 10 ป้อม 

สน.พญาไท จำนวน 9 ป้อม 

สน.ทุ่งมหาเมฆ จำนวน 7 ป้อม 

สน.ทองหล่อ จำนวน 5 ป้อม 

สน.ห้วยขวาง จำนวน 4 ป้อม 

สน.ปทุมวัน จำนวน 4 ป้อม 

สน.คลองตัน จำนวน 3 ป้อม 

สน.สำราญราษฎร์ จำนวน 3 ป้อม 

สน.บางรัก จำนวน 2 ป้อม 

สน.สามเสน จำนวน 2 ป้อม 

สน.ชนะสงคราม จำนวน 1 ป้อม 

สน.พระโขนง จำนวน 1 ป้อม 

สน.วังทองหลาง จำนวน 1 ป้อม และ 

สน.ดินแดง จำนวน 1 อาคาร

Read more ...

บช.ก.สั่งยกเลิกชุด ฉก.ทั้งหมด

โดยข่าวสด เมื่อ 15 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 

เปิดเผยว่า ตนกำลังจะลงนามคำสั่งยกเลิกชุดเฉพาะกิจทั้งหมดของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งชุดที่ตั้งโดยกองบัญชาการ และชุดต่างๆ ที่กองบังคับการในสังกัดตั้งขึ้นเอง

ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. เรียกประชุมมอบนโยบายตำรวจกองปราบฯ ในระดับสารวัตรขึ้นไป โดยได้กล่าวถึงนโยบายหลัก 8 ข้อตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเน้นย้ำ 3 แนวทางหลัก คือ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมีความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิต จากนั้นจึงจะมาดูแลงานในกองบังคับการกองปราบปราม โดยเตรียมกำหนดยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่จะมุ่งเน้นการสืบสวนในคดีสำคัญ

ส่วนตัวในฐานะที่ทำงานด้านกองปราบฯ มาตลอดอายุราชการมองว่ามีผลงานที่น่าพอใจ หลังจากนี้จะเน้นทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในจังหวัดต่างๆ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นพื้นที่ใดบ้าง เพราะต้องรอการประชุมอีกครั้งและหวั่นว่ากลุ่มมือปืนจะไหวตัว รวมทั้งจะสร้างความเป็นมิตรกับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อดึงมวลชนมาร่วมมือกับกองปราบปราม ยืนยันว่ากองปราบปรามมีเจ้าหน้าที่เพียงพอในการทำงาน และพร้อมประสานการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานก้าวหน้าŽ พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าว

Read more ...

บช.น.แจงชาวบ้านสงสัย ตร.เคาะประตูบ้าน เผยเป็นโครงการนำร่องป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก

โดยมติชน เมื่อ 13 พ.ย.2557

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) 

พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 

เปิดเผยกรณีชาวบ้านพื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ ส่งข้อความไลน์ต่อกันว่า ตอนนี้มีมิจฉาชีพแต่งชุดตำรวจมาและให้กรอกแบบสอบถาม แล้วจะมาถ่ายรูปคนในบ้าน เพื่อนๆ เจอไป 2 คนแล้ว ชื่อ สน.ที่ระบุในแบบสอบถามก็ไม่มีจริง กระดาษก็ไม่มีตราครุฑ ถ้าใครเจอถ่ายรูปไว้ด้วย ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่ได้รับข้อความดังกล่าวเป็นอย่างมากนั้นว่า กรณีตำรวจแต่งเครื่องแบบสอบถามข้อมูลประชาชนในพื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ เป็นโครงการนำร่องของ 

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. 

เกี่ยวกับเรื่องการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกโดยใช้ทฤษฎีสามเหลี่ยมอาชญากรรม โดยใช้ชื่อ

โครงการว่า ประชาอุ่นใจเมื่อตำรวจไทยเข้าถึง 

เพื่อสนองนโยบาย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในการหาวิธีทำอย่างไรให้ประชาชนรักตำรวจ บก.น.6 จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นมา มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการลดอาชญากรรมและยาเสพติด ต่อไปจะให้ตำรวจทุกนายในสังกัด บช.น.ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชน ระยะเวลา 30 วัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ลงพื้นที่ 10 หลังคา

Read more ...

บก.น.9 นำร่อง 6 โครงการ สายตรวจไอที-ตร.ดีเด่น กล่องพิชิตอาชญากรรม

โดย สดจากสนามข่าว เมื่อ 14 พ.ย.2557

เฉลิมพร อยู่วงษ์อั๋น เรื่อง/ภาพ

ตํารวจถือเป็นอีกอาชีพที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน รวมถึงดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่

แต่ด้วยภาระที่หนักอึ้งบวกกับความไม่พร้อม ทั้งอุปกรณ์ในการทำงานและเหตุอาชญากรรมที่พัฒนารูปแบบการก่อเหตุไปทุกวัน

ทำให้บางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ยากยิ่งในการทำหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้าย

ด้วยเหตุนี้จึงมีแนวคิดและผุดโครงการ "บริหารงานและสร้างขวัญกำลังใจ" รวมทั้งสิ้น 6 โครงการ

ประกอบ ด้วย 

1.มอบรางวัลให้แก่ตำรวจที่มีผลงานดีเด่นและพลเมืองดี 

2.โครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับงานธุรการให้หน่วยงานในสังกัด บก.น.9

3.โครงการปรับ ปรุงพัฒนาศูนย์วิทยุกรุงธน 

4.โครงการสายตรวจ QR-Code 

5.โครงการกล่องมีชีวิต พิชิตอาชญา กรรม สรรค์สร้างความสุขประชาชน และ 

6.โครงการจัดหาเครื่องออกกำลังกาย
ภายใต้การสนับ สนุนโดยมูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราช การตำรวจและครอบ ครัว และภาคเอกชน

โดยเปิดโครงการ นำร่องที่บก.น.9 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล ผบก.น.9 กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโครงการว่า

โครงการ นี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่กำหนดนโยบาย 8 ข้อ และคติพจน์ของพล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ที่ระบุว่า "บริการทุกระดับประทับใจ ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม อาชญากรรมและยาเสพติดลดลง"

โดยยึดหลักพิทักษ์รับใช้ประชาชน ในทุกมิติ ทั้งการรักษาความเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการอำนวยความยุติธรรม เพื่อให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพาของประชาชนอย่างแท้จริง

รวมถึงอำนวยการจัดการจราจรอย่างเป็นระบบที่ทันสมัย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และบริหารจัดการให้ตำรวจดำรงชีพอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและเป็นที่รักของ ประชาชน

นอกจากนี้ต้องดูแลขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจด้วย

สำหรับรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินงานของ 6 โครงการ

เริ่ม จากมอบรางวัลให้กับตำรวจที่มีผลงานดีเด่นและพลเมืองดี เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และพลเมืองดีที่สร้างผล งานช่วยเหลือประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรมและช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ ได้ยาก

ส่วนโครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับงานธุรการ ให้หน่วยงานในสังกัด บก.น.9 เบื้องต้นได้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ 162 เครื่อง แจกจ่ายให้กับหน่วยงานในสังกัด เพื่อใช้ปฏิบัติงานอย่างครบถ้วน

โครงการ ต่อมาเป็นการปรับปรุงพัฒนาศูนย์วิทยุกรุงธน เพื่อแก้ไขปัญหาอุปกรณ์สื่อสารที่ชำรุด เสียหายหรือขาดแคลน ให้มีความพร้อมในการใช้งาน

ถัดมาเป็นโครงการจัดทำระบบการ แสดงตำแหน่งที่อยู่ เส้นทางการตรวจและบันทึกผลการตรวจส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือสายตรวจ QR-Code ด้วยการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานกับเจ้าหน้าที่

โดย อาศัยหลักการทำงานเดียวกับโคบัง ประเทศญี่ปุ่น ที่นำระบบจีพีเอสและระบบรายงานการตรวจผ่าน QR-Code มาใช้กับการปฏิบัติงานตามตารางเวลาของเจ้าหน้าที่ สายตรวจ ฝ่ายสืบ สวนและอาสาสมัครภาคประชาชน

ซึ่งแนวทางการปฏิบัติ ผู้บังคับบัญชาจะติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในโทรศัพท์สมาร์ตโฟนของเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร จากนั้นนำ QR-Code ไปติดตั้งตามจุดต่างๆ

หาก เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเดินทางไปตรวจตามรอบเวลาการทำงานก็ จะสแกนรายงานผลการตรวจผ่านทางโทรศัพท์ให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบได้ เพื่อเป็นการควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานและ ผู้ช่วยเจ้าพนักงานให้ตรงต่อเวลาตามปฏิทินอาชญากรรม

ขณะที่ โครงการกล่องมีชีวิต พิชิตอาชญากรรม สรรค์สร้างความสุขประชาชน มีไว้สำหรับประชาชนใช้ร้องทุกข์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอาชญากรรม เรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเรื่องเดือดร้อนอื่นๆ

สุดท้ายเป็นโครงการจัดหาเครื่องออกกำลังกาย โดยสร้างห้องออกกำลังกายหรือฟิตเนส ที่กองรักษาการณ์ บก.น.9 เพื่อเปิดบริการให้ตำรวจในสังกัดและครอบครัวเข้ามาใช้บริการโดยไม่คิดค่า บริการ

แม้ทั้ง 6 โครงการอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน

แต่เชื่อว่าผลที่ได้รับจะมีประโยชน์ ทั้งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน

Read more ...

บก.น.9 เปิดโครงการสายตรวจ QR-Code ป้องอาชญากรรม-แก้ปมยาเสพติด

โดยมติชน เมื่อ 8 พ.ย.2557

วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล รรท.ผบก.น.9 เปิดโครงการจัดทำระบบการแสดงตำแหน่งที่อยู่ เส้นทางการตรวจและบันทึกผลการตรวจส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (สายตรวจ QR-Code) พร้อมทั้งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ 162 ชุดให้ทุกโรงพักในสังกัด ในโอกาสนี้ยังทำการเปิดห้องฟิตเนสสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจ บก.น.9 และมอบโล่รางวัลให้ชุดจับกุมที่มีผลงานการปฏิบัติงานดีเด่น รวมถึงโล่ประกาศเกียรติคุณพลเมืองดีที่เก็บสร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท ส่งคืนเจ้าของเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมต่อไปด้วย

พล.ต.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า การเปิดโครงการสายตรวจ QR-Codeในวันนี้ถือเป็นการต่อยอดจากนโยบายของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น.ที่เน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยตำรวจต้องบริการประชาชนในทุกมิติ ภายใต้กรอบแนวคิดทฤษฎี “สามเหลี่ยมอาชญากรรม โดยโครงการสายตรวจ QR-Code นั้น มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาศัยหลักการทำงานเช่นเดียวกันกับโคบังประเทศญี่ปุ่น นำระบบ GPS และระบบรายงานการตรวจผ่าน QR-Code มาใช้กับการปฏิบัติงานตามตารางเวลาของเจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน และอาสาสมัครภาคประชาชน

สำหรับแนวทางการปฏิบัตินั้นผู้บังคับบัญชาจะมีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครภาคประชาชน จากนั้นจะนำ QR-Code ไปติดตั้งตามจุดต่างๆ หากเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเดินทางไปตรวจตามรอบเวลาการทำงานก็จะทำการสแกนรายงานผลการตรวจผ่านทางโทรศัพท์มือถือให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบได้ทั้งทางโทรศัพท์มือถือด้วยกันและเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการลงโปรแกรมเอาไว้

ทั้งนี้เพื่อเป็นการควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานและผู้ช่วยเจ้าพนักงานให้ตรงต่อเวลาตามปฏิทินอาชญากรรม อีกทั้งเป็นผลดีต่อการสั่งการก้าวสกัดจับกุมคนร้ายที่กำลังหลบหนี เนื่องจากผู้บังคับบัญชาจะทราบว่าตำรวจหรืออาสาสมัครที่ทำหน้าที่ในห้วงเวลานั้นประจำอยู่ตรงจุดใดบ้าง ที่สำคัญสามารถนำผลการรายงานมาพิจารณาบำเหน็จความชอบของผู้ปฏิบัติงานได้ตามหลักธรรมาภิบาล 

Read more ...